วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

“ไก่นาแรงเยอ


. อาหารไทยโบราณขนานแท้ 
... ที่ร้าน “ไก่นาแรงเยอร์” ถนนประดิษฐ์มนูธรรม...
 
พบกันอีกครั้งเป็นประจำทุกสัปดาห์ ในคอลัมน์พาชิมของหนังสือพิมพ์ “บ้านเมืองรายวัน” โดยมี “แม่ลิ้นจี่” เจ้าเก่าคอยเป็นผู้สรรหาร้านอาหารอร่อยพร้อมด้วยเมนูเด็ดๆ มาแนะนำให้แฟนคอลัมน์ได้พากันไปทดลองชิมเหมือนเช่นเคย....!
 
มีบางคนพูดกันว่า “แม่ลิ้นจี่” ชอบแนะนำแต่ร้านก๋วยเตี๋ยว ช่วงก่อนหน้านี้เคยแนะนำร้านอาหารที่มีระดับก็บ่นกันว่าแม่ลิ้นจี่ชอบแนะนำแต่ร้านแพงๆ แต่ถ้าคนที่เป็นแฟนประจำ และติดตามอ่านกันมาตลอดแล้วก็จะรู้ว่า ร้านอาหารที่แม่ลิ้นจี่แนะนำจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปหลากหลายระดับ และหลากหลายบรรยากาศ และจะเน้นหนักไปที่ร้านแบบครอบครัวสามารถเข้าไปสัมผัสกันได้ คนที่อ่านหนังสือพิมพ์บ้านเมืองมีอยู่หลายกลุ่ม ถ้าจะเอาใจคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะเศรษฐกิจแบบนี้มีคนว่างงานกันอยู่มากมาย จะแนะนำให้กินของแพงกันบ่อยๆ ก็จะเสียแฟนอีกกลุ่มหนึ่งไปนะเจ้าคะ
 
ร้านอาหารอร่อยประจำสัปดาห์นี้แม่ลิ้นจี่ก็เลยจะเปลี่ยนบรรยากาศพากันมาแวะชิมอาหารอร่อยแบบพื้นบ้านขนานแท้กันดูบ้าง ร้านที่จะแนะนำกันในวันนี้ก็คือร้าน “ไก่นาแรงเยอร์” ซึ่งเขามีชื่อเสียงกันมานานกว่า 30 ปี และเพิ่งจะย้ายร้านมาเปิดบริการอยู่ที่ริมถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายท่านคงจะรู้จักคุ้นเคยกันดีเพราะเขาเคยเปิดขายมาหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นที่สี่แยกซอยอุดมสุข, ถนนบางนา-ตราด ก.ม.8-9, ซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 มาจนถึงร้านปัจจุบัน
 
ที่ร้านนี้เขาจะเน้นบรรยากาศแบบสบายๆ สไตล์โอเพ่นแอร์ เป็นเรือนไม้เก่ารายรอบสระน้ำทั้งสี่ด้าน อาหารที่ขายก็เป็นอาหารไทยโบราณพื้นบ้านสูตรดั้งเดิมทั้ง 4 ภาค ไม่มีการปรุงแต่งให้หรูหราแบบอาหารไทยประยุกต์ ซึ่งในเมนูจะมีให้เราได้เลือกชิมมากมายร้อยกว่าชนิด สนนราคาก็เริ่มต้นกันที่ 80 บาทไปจนถึงหลักร้อยมากน้อยตามแต่วัตถุดิบที่นำมาปรุง
 
 
 
จากการที่ได้พูดคุยกับ “คุณป้าอมรรัตน์ เจนพรหมราช” เจ้าของร้าน หรือที่รู้จักกันในนาม “ป้าแรงเยอร์” ถึงแม้อายุจะย่างเข้าสู่วัย 60 ปีแต่ก็ยังมีเค้าโครงความสวยให้แลเห็น เพราะแต่ก่อนเก่านั้นคุณอมรรัตน์เคยมีดีกรีเป็นถึงนางงามของจังหวัดพิษณุโลกถิ่นกำเนิดของคุณป้า และเป็นหญิงแกร่งที่ต่อสู้ชีวิตมาอย่าโชกโชน ซึ่งคุณอมรรัตน์เล่าว่าที่มาของชื่อ “ไก่นาแรงเยอร์” นั้นมาจากน้องชายคือ “ร.อ.สมโภช เจนพรหมราช” อดีตทหารบกหน่วย “แรงเยอร์” ซึ่งเป็นวีรบุรุษในสมรภูมิเขาค้อยุคสงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์ ซึ่งตอนนั้นได้ปฏิบัติการอยู่ในป่าลึกไร้ซึ่งเสบียงอาหาร ขณะที่หลบอยู่ในบังเกอร์พร้อมกับลูกน้องซึ่งกำลังหิวโหย เจ้าไก่ป่าดวงถึงฆาตเหมือนรู้ใจบินมาเกาะขอบบังเกอร์ ร.อ.สมโภช จึงได้สังหารตามแบบแรงเยอร์ที่ฝึกฝนมา (อธิบายไม่ได้เพราะหวาดเสียว) นำมาเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิตท่ามกลางดงดิบ
 
หลังจากสงครามทางลัทธิสงบลงคุณอมรรัตน์ได้เข้ามาอยู่ในเมืองกรุงประกอบอาชีพโดยสุจริตหลายอย่าง จนมาเปิดร้านอาหารและนำวิธีการทำไก่แบบแรงเยอร์ตามสูตรของน้องชายมาทำขายจนเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้ามากมาย ซึ่งอาหารที่ร้านนี้เขาจะเน้นวิธีการปรุงแบบพื้นบ้านที่คุณป้าได้รับการสืบทอดมาจากคุณแม่และคุณย่า เครื่องปรุงและวัตถุดิบคุณป้าจะออกเดินตลาดคัดสรรแต่ของที่มีคุณภาพ อาหารของที่นี่จะมีรสชาติจัดจ้านเป็นที่ถูกใจของคนที่ชอบอาหารรสจัด และเป็นที่ชื่นชอบของนักร่ำสุราเป็นยิ่งนัก ส่วนอาหารจานแรกที่จะแนะนำให้ชิมกันในวันนี้ก็มี
 
ไก่นาย่างแรงเยอร์... เขาจะเลือกใช้แต่ไก่นาของแท้ ซึ่งเป็นไก่รุ่นสาวขนาดกำลังดีตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ นำไปปรุงรสตามสูตรเฉพาะของที่ร้าน นำไปย่างจนแห้งสนิทจนออกสีเหลืองทองซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ เขาจะสับแยกร่างเป็นชิ้นๆ เสิร์ฟมาในจานพร้อม “น้ำจิ้มแจ่วแมงดาสูตรเด็ด” ความอร่อยอยู่ที่เนื้อไก่เหนียวแต่นุ่ม รสเครื่องปรุงซึมซาบเข้าถึงเนื้อใน จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วที่ปรุงมาจากแมงดาแท้ๆ ในราคาตัวละ 260 บาท หรือจะสั่งเป็นไก่นาทอดเกลือ ไก่นาราดน้ำปลา ก็อร่อยไปอีกแบบ
ปลาช่อนแป๊ะซะลูกทุ่ง... เมนูนี้เป็นที่ถูกใจของคนที่ชอบอาหารรสแซ่บ เขาจะเลือกใช้แต่ปลาช่อนนาจริงๆ ไม่มั่วนิ่ม  มีให้เลือกสั่งหลายขนาดหลายราคา แต่ตัวที่สั่งมาชิมนี้หนักกิโลกว่า เขาจะนำไปขอดเกล็ดบั้งข้างตัวนำไปนึ่งจนสุกได้ที่ ใส่ในจานเปลราดด้วยน้ำแกงที่ปรุงแบบลูกทุ่ง มากมายด้วยเครื่องสมุนไพรทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบกระเพรา หอมแดงเผา พริกขี้หนูสับ เห็ดขอน พริกแห้งทอด ปรุงรสออกเผ็ดนำ เปรี้ยว เค็ม เสิร์ฟมาร้อนด้วยเตาที่ใช้ถ่านไม้แบบดั้งเดิม ในราคา 180-350-380 บาท
ปลาไหลผัดขี้เมา...เขาจะเลือกใช้ปลาไหลท้องนาตัวขนาดกำลังดี นำมาสับเป็นชิ้นๆ นำไปผัดกับพริกสด กระชายฝอย พริกไทยอ่อน มะเขือพวง ใบกระเพรา ปรุงรสออกเผ็ดนำ ความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาไหลสดหวาน บวกกับรสจัดจ้านของเครื่องปรุง ในราคาจานละ 140 บาท หรือจะเลือกสั่งเป็น “ปลาไหลต้มเปรต” ก็อร่อยไม่แพ้กัน
ลาบไข่มดแดง... เมนูจานี้เหมาะที่จะเป็นกับแกล้ม เขาจะนำไข่มดแดงเม็ดอวบอ้วนนำไปปรุงกับเครื่องยำมี ตะไคร้ ซอย ข่าซอย พริกขี้หนูสับ หอมแดงซอย ปรุงรสออกเปรี้ยวนำ ตามด้วยเผ็ด และเค็ม เสิร์ฟมาในจานมีใบชะพลูรอรับงอยู่ด้านล่าง จุดเด่นอยู่ที่ผักเครื่องเคียงมากมายซึ่งเป็นผักพื้นบ้านที่หากินได้ยาก ในราคาจานละ 120 บาท
 
นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่น่าลิ้มลองอีกมากมาย เช่น แกงคั่วหอยขม ไส้หมูอ่อนย่างพริกไทยดำ ยำหัวปลีกล้วยน้ำว้า สะเก็ดระเบิด ฯลฯ คุณอมรรัตน์กล่าวว่ารู้สึกมีความสุขที่ได้สรรหาของดีให้ลูกค้าได้รับประทาน ถึงแม้วัตถุดิบที่หาซื้อมาราคาจะแพงกว่าทั่วๆ ไปก็ต้องซื้อ เพราะความดีที่เราทำส่งผลให้เรามีสุขภาพดีจนทุกวันนี้ ว่างกันวันไหนก็ลองแวะเวียนมาเยี่ยมชิมกันได้ สถานที่ตั้งของร้านจะอยู่เลยโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง สาขา 2 ไปนิดเดียว ที่ร้านนี้เขาจะเปิดบริการกันทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 น. แต่ถ้าเกรงว่าจะมากันไม่ถูกก็โทรมาสอบถามเส้นทางกันก่อนได้ที่ 0-2519-3835 และ 08-1255-6837 
 
 
สำหรับวันนี้คงต้องขอแนะนำกันแต่เพียงแค่นี้ แล้วพบกับ “แม่ลิ้นจี่พาชิม” ได้ใหม่ในสัปดาห์ต่อไปนะคะ.....!
 
ข้อมูลร้าน
ชื่อร้าน
ไก่นาแรงเยอร์
รูปแบบร้าน
สวนอาหารเปิดโล่ง
ประเภทอาหาร
ไทยพื้นบ้านโบราณ 4 ภาค
ทำเลที่ตั้ง
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางรามอินทรา-อาจณรงค์)
ระดับราคาอาหาร
80-300 กว่าบาท
เมนูแนะนำ
- ไก่นาย่างแรงเยอร์ ราคา 260 บาท /ตัว
- ปลาช่อนแป๊ะซะลูกทุ่ง ราคา 180-300 กว่าบาท (ตามน้ำหนักปลา)
- ปลาไหลผัดขี้เมา ราคา 140 บาท
- ลาบไข่มดแดง ราคา 120 บาท
บรรยากาศร้าน
บ้านเรือนไม้เก่า กลางบึงน้ำ
ความจุ/จำนวนโต๊ะ
ประมาณ 40 กว่าโต๊ะ
ลูกค้าประจำ
กลุ่มครอบครัว และคนทำงานทุกวัย ติดตามมาตั้งแต่ร้านเดิม
เบอร์โทรศัพท์ 
0-2519-3835 และ 08-1255-6837
การตกแต่งร้าน
ตกแต่งเป็นเหมือนบ้าน ในลักษณะเรือนไม้ชาวบ้านต่างจังหวัด(พิษณุโลก)
การเดินทาง
ร้านตั้งอยู่เกือบสุดถนนประดิษฐ์ธรรม (ตรงหน้าทางลงด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ) ที่จะออกถนนรามอินทรา
ที่จอดรถ
บริเวณด้านข้างและด้านหลังร้าน
วัน-เวลาเปิดบริการ
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 -24.00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น